จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ความรู้สึกหลังจากที่ได้กลับมาจากการเข้าค่ายที่ ตชด.

          สวัสดีคะ วันนี้จะมาเล่าการที่เข้าค่ายที่ ค่าย ตชด. 3วัน2คืน 
วันแรกเลย

วันแรกเเหมือนกันแต่ตอนโดนป้ายสีแล้ว ดำเลย
ความรู้สึก: วันที่1 วันแรกเราก็เริ่มเดินจาก รร.ห้วยนึ้ง แล้วเราก็เริ่มเดินประมาณ 3-4กิโลเมตร (เป็นอะไรที่เหนื่อยมากๆคะ) ระหว่างเดินเราก็เจอฐานที่ครูตั้งให้ และ พอถึงที่หน้าค่ายตอนแรกก็นึกว่าคงจะสบายแล้ว แต่ที่ไหนได้ ให้เราคลานรอดใต้ที่กั้นรถ แค่ละคนก็มีแผลบางเล็กน้อยแต่ก็ถือว่าสนุกไปอีกแบบ พอเพื่อนๆม.2 ทุกคนมาครบ เราก็ไหว้พระเจ้าตากสินมหาราช ไหว้เสร็จเราก็เริ่มเข้าหมู่แต่ละ หมู่คะ แล้วก็แยกย้ายกันกินข้าว( มื้อแรกที่ไปถึงเรายังไม่ต้องทำอาหารคะ ครูฝึกคงเห็นว่าเหนื่อย) พอเริ่มเย็นครูก็ให้แยกย้ายกันไปทำอาหาร กลุ่มเราทำอาหารอร่อยมาก!!! แล้วพอมืดเราก็มีกิจกรรมนิดๆหน่อยๆ แล้วก็เข้านอน และต้องตื่นตี4:00น 
             วันที่2 พอตื่นขึ้นมาก็โดนออกกำลังกายแต่เช้าเลยแต่พอดีเราเป็นคนทำอาหารก็เลยได้ทำนิดนึง:) มื้อเช้าของเราก็คือ!!! ข้าวต้ม ปลาทอด ไข่เจียว และ กุนเชียงทอด น่ากินจัง55 พอกินข้าวกันเสร็จครูให้ไปเปลี่ยนชุด แต่เพื่อนๆและเราเปลี่ยนช้า มั่วแต่รอกันเลยโดนทำโทษคือ ให้นอนราบกับพื้นและกลิ้งไปเข้าหมู่เป็นอะไร ที่มึนหัวและเจ็บมากTT แล้วพอเข้าหมู่เสร็จพวกเราแบ่งหมู่แล้วทำกิจกรรม รวมกิจกรรมทั้งหมดก็8 ฐาน  แต่ละฐานโหดมากๆ เจ็บด้วย ตกเย็นก็มีการแสดง ของแต่่ก็แสดงได้เก่งมากเลยละพอแสดงเสร็จเราก็มีการ เต้นกันทั้งหมดแบบว่าแต่ละคนเริ่มออกอาการ เมาอากาศ 5555 (ก็ว่ากันไปนะ) แต่ละคนเต้นแบบได้ใจมากๆเลย แต่แล้วกิจกรรมก็ต้องจบลงแต่ละคนก็กลับเข้าเต็น และนอนกันแบบเหนื่อยล้า ถ้าจำไม่ผิดก็คงนอนกันประมาณ เที่ยงคืนได้มั้ง
             วันที่3 กิจกรรมตอนเช้าเหมื่อนวันที่สองเลย แล้วพอเสร็จกิจกรรมตอนเช้าก็เริ่มพิธีการ เลิกกอง และแต่ละคนก็เริ่มโทรหาพ่อแม่ให้มารับ 


แต่เราจะบอกว่าค่าย ตชด. เป็นค่ายที่ดี ให้ฝึกฝนความอดทนของแต่ละคน ฝึกความรับผิดชอบ ฝึกความสามัคคี ทำอะไรด้วยตนเอง ในค่ายก็ความรู้สึกหลายๆอย่าง สนุก ความสุข ฯลฯ ครูฝึกบางคนก็ดุ สนุก เฮฮา 

สุดท้ายก็อย่างให้เพื่อนๆได้ลองมาค่าย ตชด. แล้วเพื่อนๆจะมีความสุขมากๆคะ <3<3<3<3<3<3<3<3

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

กิจกรรมประจำหน่วย


กิจกรรม ประจำหน่วย 
1.เครือข่ายอินเทอร์เน็ตคืออะไร มีประโยชน์อะไรบ้าง
ตอบ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตคือ ระบบ ที่คอมพิวเตอร์อย่างน้อย 2 เครื่องทำการเชื่อมต่อกัน โดยในการเชื่อมต่อจะมีสื่อกลางที่ใช้ในการส่งข้อมูล ซึ่งทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถใช้ทรัพยากร (Resource) ที่อยู่ในเครือข่ายร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องพิมพ์ แฟกซ์ สแกนเนอร์ ฮาร์ดดิสค์ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก นอกจากนี้ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ยังเป็นผลดีในกรณีที่ต้องการสื่อสารข้อมูลในระยะทางไกล หรือเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่อยู่ห่างไกล เช่น ระบบอินเตอร์เน็ต ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ทั่วโลกโดยใช้เวลาเพียง น้อยนิด จากเดิมที่ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลนั้น อาจจำเป็นต้องใช้สื่อเก็บข้อมูลที่รับส่งกันภายนอก เช่น บันทึกลงแผ่นดิสก์แล้วไปส่งให้กับอีกเครื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองเวลามาก ยิ่งถ้าต้องการสื่อสารกันข้ามโลกยิ่งเป็นเรื่องลำบากและใช้เวลานานมาก แต่ในปัจจุบัน การสื่อสารผ่านสายสัญญาณของระบบเครือข่ายนั้น ทำให้การส่งข้อมูลทำได้ในเสี้ยววินาที
 ประโยชน์ ระบบ เครือข่ายคอมพิวเตอร์หนึ่งเครือข่ายจะมีการทำงานรวมกันเป็นกลุ่ม ที่เรียกว่า กลุ่มงาน (work group)  แต่เมื่อเชื่อมโยงหลายๆ กลุ่มงานเข้าด้วยกัน   ก็จะเป็นเครือข่ายขององค์กร และถ้าเชื่อมโยงระหว่างองค์กรผ่านเครือข่ายแวน ก็จะได้เครือข่ายขนาดใหญ่ขึ้น  
          การประยุกต์ใช้งานเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นไปอย่างกว้างขวางและสามารถใช้ ประโยชน์ได้มากมาย ทั้งนี้เพราะระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดการเชื่อมโยงอุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน และสื่อสารข้อมูลระหว่างกันได้ 
2.การสืบค้นข้อมูลจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีวิธีการอย่างไร 
ตอบ วิธีการค้นหาข้อมูลแบบ Index นี้ข้อมูลจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากกว่าการค้นหาข้อมูลด้วย วิธีของ Search Engine โดยมันจะถูกคัดแยกข้อมูลออกมาเป็นหมวดหมู่ และจัดแบ่งแยก Site ต่างๆออก เป็นประเภท สำหรับวิธีใช้งาน คุณสามารถที่จะ Click เลือกข้อมูลที่ต้องการจะดูได้เลยใน Web Browser จาก นั้นที่หน้าจอก็จะแสดงรายละเอียดของหัวข้อปลีกย่อยลึกลงมาอีกระดับหนึ่ง ปรากฏขึ้นมาให้เราเลือกอีก ส่วนจะแสดงออกมาให้เลือกเยอะแค่ไหนอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของฐานข้อมูลใน Index ว่า ในแต่ละประเภท จัดรวบรวมเก็บเอาไว้มากน้อยเพียงใด เมื่อคุณเข้าไปถึงประเภทย่อยที่คุณสนใจแล้ว ที่เว็บเพจจะแสดงรายชื่อของเอกสารที่เกี่ยวข้องกับ ประเภทของข้อมูลนั้นๆออกมา หากคุณคิดว่าเอกสารใดสนใจหรือต้องการอยากที่จะดู สามารถ Click ลงไปยัง Link เพื่อ ขอเชื่อต่อทางไซต์ก็จะนำเอาผลของข้อมูลดังกล่าวออกมาแสดงผลทันที นอกเหนือไปจากนี้ ไซต์ที่แสดงออกมานั้นทางผู้ให้บริการยังได้เรียบเรียงโดยนำเอา Site ที่มีความเกี่ยว ข้องมากที่สุดเอามาไว้ตอนบนสุดของรายชื่อที่แสดง
การค้นหาในรูปแบบ Search Engine
              วิธีการอีกอย่างที่นิยมใช้การค้นหาข้อมูลคือการใช้ Search Engine ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่กว่า 70% จะใช้วิธีการค้นหาแบบนี้ หลักการทำงานของ Search Engine จะแตกต่างจากการใช้ Indexลักษณะของมันจะเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่มหาศาลที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป บนInternet ไม่มีการแสดงข้อมูลออกมาเป็นลำดับขั้นของความสำคัญ การใช้งานจะเหมือนการสืบค้นฐานข้อมูลอื่นๆคือ คุณจะต้องพิมพ์คำสำคัญ (Keyword) ซึ่งเป็นการอธิบายถึงข้อมูลที่คุณต้องการจะเข้าไป ค้นหานั้นๆเข้าไป จากนั้น Search Engine ก็จะแสดงข้อมูลและ Siteต่างๆที่เกี่ยวข้องออกมา
 ข้อแตกต่างระหว่าง Index และ Search Engine คำตอบก็ คือวิธีในการค้นหาข้อมูลแบบ Index เค้าจะใช้คนเป็นผู้จัดรวบรวมและทำระบบฐานข้อมูลขึ้นมา ส่วนแบบ Search Engine นั้นระบบฐานข้อมูลของมันจะได้รับการจัดสร้างโดยใช้ Software ที่มี หน้าที่เกี่ยวกับงานทางด้านนี้โดยเฉพาะมาเป็นตัวควบคุมและจัดการ ซึ่งเจ้า Software ตัวนี้จะมี ชื่อเรียกว่าSpidersการทำงานข้องมันจะใช้วิธีการเดินลัดเลาะไปตามเครือข่ายต่างๆที่เชื่อมโยงถึง กันอยู่เต็มไปหมดในInternetเพื่อค้นหา Website ที่เกิดขึ้นมาใหม่ๆ รวมทั้งยังสามารถตรวจสอบหาความเปลี่ยนแปลงของ ข้อมูลใน Site เดิม ที่มีอยู่ ว่าที่ใดถูกอัพเดตแล้วบ้าง จากนั้นมันก็จะนำเอาข้อมูลทั้งหมดที่สำรวจเข้ามา ได้เก็บใส่เข้าไปในฐานข้อมูลของตนอัตโนมัติ ยกตัวอย่างของผู้ให้บริการประเภทนี้เช่น Excite , Lycos Infomercial เป็นต้น การค้นหาด้วยวิธี Search Engine นั้นมักจะได้ผลลัพธ์ออกมากว้างๆชี้เฉพาะเจาะจงได้ยาก บางครั้งข้อมูลที่ ค้นหามาได้อาจมีถึงเป็นร้อยเป็นพัน Site แล้ว มีใครบ้างหละที่อยากจะมานั้นค้นหาและอ่านดูที่จะเพจ ซึ่งคง ต้องเสียเวลาเป็นวันๆแน่ ซึ่งก็ไม่รับรองด้วยว่าคุณจะได้ข้อมูลที่คุณต้องการหรือไม่ ดังนั้นจึงมีหลักในการค้น หา เพื่อให้ได้ข้อมูลใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งจะขอกล่าวในตอนหลัง
3. ข้อควรระวังในการการสืบค้นข้อมูลจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีอะไรบ้าง
ตอบ
นสังคมอินเทอร์เน็ตนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดีเช่นเดียวกับสังคมทั่วไปผู้ที่ไม่ระมัดระวังจึงอาจถูกล่อลวงไปในทางที่ผิด
หรือก่อให้เกิดอันตรายได้ฉะนั้นเยาวชนไทยควรเรียนรู้ปัญหาและวิธีป้องกันตนเองจากภัยอันตรายเหล่านี้จากผู้ 
ใช้อินเทอร์เน็ตควรยึดถือปฏิบัติ  ดังนี้
1. ไม่บอกข้อมูลส่วนตัว  เช่น  ที่อยู่  เบอร์โทรศัพท์  ชื่อโรงเรียนของตนให้แก่บุคคลอื่นที่รู้จักกันทางอินเทอร์เน็ต
2. หากพบข้อความหรือรูปภาพใดๆบนอินเทอร์เน็ตที่มีลักษณะหยาบคายหรือไม่เหมาะสมควรแจ้งให้ผู้ปกครองทราบทันที่
3. ไม่ควรไปพบบุคคลใดก็ตามที่รู้จักทางอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองก่อน  และหากผู้ปกครองอนุญาต
ก็ควรไปพร้อมกับผู้ปกครอง และควรไปพบกันในที่สาธารณะ
4. ไม่ส่งรูปหรือสิ่งใดๆ ให้บุคคลที่รู้จักทางอินเทอร์เน็ต โดยมิได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองก่อน
5. ไม่ตอบคำถามหรือต่อความกับผู้ที่สื่อข้อความหยาบคาย  และต้องแจ้งให้ผู้ปกครองทราบทันที่ 
6. ควรคารพต่อข้อตกลงในการใช้อินเทอร์เน็ตที่ให้กับผู้ปกครอง เช่น กำหนดระยะเวลาในการใช้อินเทอร์เน็ต เว็บไซต์
ที่ผู้ปกครองอนุญาตให้เข้าได้
ในด้านข้อเสีย  แพทย์พบว่าการเล่นเกมติดต่อกันครั้งละนานๆ  มีผลเสียต่อสุขภาพปัญหาที่พบบ่อยคือ  อาการล้าของสายตา
 กล้ามเนื้อที่แขนคอไหล่และหลังนอกจากนี้ยังพบอาการลมชักปวดศีรษะ ประสาทหลอน บางรายมีอาการรุนแรงเข้าขั้นประสาทและกล้ามเนื้อบางส่วนเสื่อมสภาพไปและเชื่อกันว่าการติดเกมเป็นสาเหตุทางอ้อมของโรคอ้วน  เด็กบางคน
ที่หมกมุ่นอยู่กับการเล่นเกมมากเกินไป จนไม่สนใจเพื่อนๆ  และสังคมรอบข้าง ในที่สุดจะกลายเป็นคนขี้อายและตัดขาดจากสังคมปัญหาอีกประการหนึ่งเกิดจากเกมประเภทที่มีการใช้ความรุนแรงเกมประเภท
นี้ ทำให้เด็กมีนิสัยก้าวร้าว เข้ากันกับเพื่อนๆ  ไม่ได้ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของครูและผู้ปกครองจะต้องชี้แนะให้เด็กรู้ถึงข้อดีและข้อ เสียของการเล่มเกม  และแนะนำให้เด็กรู้จักเลือกเกมที่ให้ประโยชน์มากกว่าความสนุกเพียงอย่าง เดียว 
4.จงกล่าวถึงรูปแบบการเผยแพร่สารสนเทศผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมา 2 รูปแบบ
ตอบ 1.การทำเว็บเพจ(WEB PAGE) ฝากไว้ในเว็บไซต์วิธีนี้ผู้ที่ทราบURLของเว็บเพจนั้นจะสามารถเข้าอ่านเอกสาร ที่เผยแพร่ได้โดยตรงหรือหากไม่ทราบURLแต่สามารถระบุคำสำคัญที่มีอยู่ในเว็บ เพจนั้น ก็อาจค้นหาผ่านโปรแกรมเรียกค้นข้อมูลได้จึงเป็นวิธีที่สามารถคาดหวังผลได้ มากที่สุด   
 2.บล็อก เป็นการฝากข้อเขียนที่มีลักษณะคล้ายสมุดบันทึกส่วนบุคคล เรื่องราวที่เขียนนั้นจะไม่จำเป็นต้องเป็นบันทึกประจำวันเท่านั้น แต่จะเป็นเรื่องอะไรก็ได้ที่อยากเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้อ่าน
5.ห้องสนทนาคืออะไร มีวิธีการใช้อย่างไร
ตอบ   ห้องสนทนา (Chat room) เป็น ระบบที่ผู้ใช้สามารถสื่อสารโต้ตอบกันด้วยการพิมพ์ข้อความ  ห้องสนทนาจะมีอยู่ตามเว็บไซต์ต่างๆ มีทั้งแบบที่ต้องลงทะเบียนเป็นสมาชิกและแบบเปิดกว้างให้ผู้สนทนาเข้าไปโต้ ตอบกันได้โดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็มี  
          วิธีการใช้
         รูปแบบหนึ่งของห้องสนทนาจะแบ่งจอภาพที่ปรากฎแก่คู่สนทนาเป็นกรอบบนและกรอบ ล่าง  กรอบบนเป็นข้อความที่โต้ตอบกันไปมาระหว่างคนสองคน  ส่วนกรอบล่างสำหรับให้แต่ละฝ่ายพิมพ์ข้อความลงไป  เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วคลิกที่ปุ่ม Send  ข้อความจะไปปรากฎบนให้คู่สนทนาให้ทั้งสองฝ่าย มองเห็นพร้อมกัน  การสนทนาครั้งละมากกว่า 2  คน ก็สามารถทำได้  ตามปกติในห้องสนทนาของเว็บไซต์ต่างๆ จะมีผู้ดูแลทำหน้าที่ควบคุมไม่ให้มีการทำผิดกติกาที่กำหนดไว้ เช่น ไม่ให้ใช้คำที่หยาบคาย          
        นอกจากการสื่อสารด้วยการพิมพ์ข้อความแล้ว คู่สนทนายังสามารถพูดคุยกันได้  โดยเครื่องคอมพิมเตอร์ทั้งสองฝ่ายต้องมีไมโครโฟนและหูฟัง  พร้อมกับซอฟต์แวร์ที่จัดการด้านนี้โดยเฉพาะ  หากใช้ระบบปฎิบัติการ  Window XP จะมีโปรแกรมชื่อ  Window Messenger  สำหรับใช้พูดคุยกันได้โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมอื่นช่วย
6.เครือข่ายสังคมคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร จงยกมา 1 ตัวอย่าง
ตอบ เครือข่ายสังคมหรือชุมชนเว็บ (Social Network or Web community) รูปแบบของห้องสนทนาถูกพัฒนาต่อมา  เป็นการใช้เพื่อให้กลุ่มคนที่มีความสนใจด้านเดียวกันมาติดต่อสื่อสารกัน  และมีการเลือกชื่อการติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายในลับกษณะนี้ว่า   เครือข่ายสังคม (Social Network) หรือ ชุมชนเว็บ (Web Community) ตัวอย่างเว็บไซต์ที่ให้บริการประเภทนี้ ได้แก่
ICQ   เป็นระบบรับส่งข้อความที่เน้นการหาคู่สนทนาที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน  ต่อมาได้ขยายบริการเป็นการสร้างกลุ่มผู้สนใจเรื่องเดียวกันที่จะมาพบปะกันบน เครือข่ายอินเทอร์เน็ต
Feadbook เป็น เว็บไซต์หาเพื่อนอีกรูปแบบหนึ่งที่เน้นการใช้รูปใบหน้าของผู้ต้องการหา เพื่อนเป็นสื่อเริ่มต้นสำหรับทำความรู้จัก  ผู้หาเพื่อนจะจัดทำข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Profile) พร้อมกับรูปใบหน้าของตนฝากไว้ที่เว็บไซต์  ปัจจุบันเว็บไซต์นี้ให้บริการหลากหลายรูปแบบ  ทั้งห้องสนทนา  กระดานข่าวสาร  กลุ่มหรือชุมชนเฉพาะด้าน
Hi5 เป็น เว็บไซต์เครือข่ายสังคมที่สนับสนุนให้ผู้ใช้สร้างกลุ่มสังคมของตนเองขึ้นมา โดยจัดทำข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Profile) พร้อมกับรูปกิจกรรมของตนฝากไว้ที่เว็บไซต์และเชิญชวนคนที่ตนรู้จักให้เข้ามา เยี่ยมชมและเข้ามามีส่วนร่วมในการนำเสนอเรื่องราวในรูปแบบของข้อความสั้นและ ภาพกิจกรรม
Twitter  เป็นเว็บไซต์เครือข่ายสังคมในรูปแบบที่ผู้ที่ริเริ่มจัดทำหน้าข้อมูลส่วน บุคคล (Profile Page) ของตนฝากไว้ที่เว็บไซต์ พร้อมกับข้อความสั้น (Microblog)  ที่อาจเผยแพร่ทั่วไปหร์อเผยแพร่เฉพาะภายในกลุ่มสมาชิกตามความเหมาะสมของผู้ ริเริ่ม  ผู้ที่เข้าไปอ่านสามารถแสดงความคิดเห็นโดยพิมพ์เป็นข้อความสั้นไปฝากไว้
ประโยชน์ของเครือข่ายสังคม เช่น เป็นเครือข่ายที่เป็นการใช้งานเพื่อให้กลุ่มคนที่มีความสนใจด้านเดียวกันมาติดที่ติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วและไม่เสียเวลา



เมี่ยงเต้าเจี้ยวเมืองตาก


บทนำ

1.ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
                เมี่ยงจอมพล หรือ เมี่ยงเต้าเจี้ยว หรือที่รู้จักกันดีคือเมี่ยงคำเมืองตาก สาเหตุที่เรียกว่าเมี่ยงจอมพลนั้นเนื่องมาจากในอดีตทุกครั้งที่จอมพลถนอม กิตติขจรมาเมืองตากจะต้องไปรับประทานเมี่ยงชนิดนี้ที่ร้านแห่งหนึ่งเป็นประจำ จนชาวบ้านละแวกนั้นและต่อๆกันมาเรียกว่า “เมี่ยงจอมพล”
เมี่ยงชนิดนี้จะมีเต้าเจี้ยวเป็นน้ำเมี่ยง แต่น้ำเต้าเจี้ยวที่ใช้นั้นจะแตกต่างจากเต้าเจี้ยวธรรมดาทั่วไปคือเมี่ยงทั่วไปจะมีรสชาติเค็ม แต่เต้าเจี้ยวของเมืองตากนั้นเป็นเต้าเจี้ยวที่มีรสชาติเปรี้ยว ออกรสหวานนิดๆและนำมารับประทานพร้อมกับเครื่องเคียงสมุนไพรต่างๆเช่น ขิง ซึ่งช่วยในการแก้อืดท้อง , มะนาวฝานพร้อมเปลือก ซึ่งช่วยในการขับลม และฯลฯ เป็นต้น

จุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า
                1 เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมการรับประทานเมี่ยงเต้าเจี้ยวเมืองตาก
                2 เพื่อให้คนทั่วไปได้รับความรู้เกี่ยวกับอาหารว่าของคนตาก
                3 เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับเมี่ยงคำโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยใช้สังคมแห่งการเรียนรู้ Social Media   Blogger” เพื่อให้เมี่ยงคำเป็นที่รู้จักทั่วไปและรับประทานกันมากขึ้น

ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
                ทำการศึกษาค้นคว้าโดยหาข้อมูลสูตรการทำเมี่ยงเต้าเจี้ยวเมืองตากและจัดทำบล็อกเกอร์
               

ผลที่คาดว่าจะได้รับ
ได้รู่เกี่ยวกับสูตรและวิธีการทำเมี่ยงเต้าเจี้ยวเมืองตากหรือเมี่ยงจอมพลที่เรารับประทานนั้นอร่อยหรือไม่
2 ได้รู้เกี่ยวกับอาหารว่างของคนเมืองตากดีหรือไม่
3 ได้รู้เกี่ยวกับการสร้างและจัดทำบล็อกเกอร์และเผยแพร่ข้อมูลของเมี่ยงเต้าเจี้ยวเมืองตากผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิคส์ฃ


วิธีดำเนินงาน

โครงงานเมี่ยงคำเมืองตาก  กลุ่มการงานฯ  วิชาคอมพิวเตอร์พื้นฐาน ม.2 ได้ประชุมกันในกลุ่มที่ทำงานโดยมีขั้นตอนการทำงานดังนี้
1.การวางแผนการทำงาน
1. แบ่งการทำงาน  คือ  แบ่งให้สมาชิกในกลุ่มไปทำงานเกี่ยวกับเมี่ยงคำจังหวัดตาก
2. ให้สมาชิกช่วยกันสืบค้นข้อมูล  คือ  หาข้อมูลเกี่ยวกับเมี่ยงคำจังหวัดตาก
3. จัดเรียบเรียง คือ  นำข้อมูลที่หาได้มาจัดรวบรวมกันเพื่อทำรายงาน
4. นำข้อมูลขึ้นโพสต์บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
2.การสืบค้นข้อมูล
                ให้สมาชิกในกลุ่มสืบค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ต   ห้องสมุดโรงเรียน  ห้องคอมพิวเตอร์  เว็บต่างๆ  และแหล่งการเรียนรู้อื่นๆ  ดังนี้
1. http://www.oknation.net
2. http://www.bloggang.com
3. http://www.slideshare.net/Thanthiti/google-blogger-11997443
4. http://ittm.dtam.moph.go.th/data_articles/thai_food/thai_fd28.htm
5. http://workdeena.blogspot.com/2009/10/blog-post_23.html
6. http://www.takculture.com/vdn/index.php?c=showitem&item=1216
7.ร้านเมี่ยงคำยายหมี

3.นำไปโพสต์บนSocial Network (Blogger)
                กลุ่มของข้าพเจ้าได้นำความรู้ที่เรียนวิชาคอมพิวเตอร์มาสร้างเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่มและกับผู้อื่นที่สนใจในการใช้ Social Network ด้วย (Blogger)
โดยมีวิธีการสร้างดังนี้
                1.สร้าง Blogger Account
                2.ระบุชื่อ Blogger
                3.เลือกเทมเพลตให้ Blogger
                4.สร้างเนื้อหาบน Blogger และแทรกรูปภาพบน Blogger
                5.นำ Blogger ขึ้นแสดงบนอินเตอร์เน็ต (เผยแพร่)
                6. ปรับปรุงแก้ไข Blogger

4.สรุปเนื้อหา/รายงานรูปเล่ม
                ได้รูปเล่มรายงานเพื่อนำเสนอโรงเรียน เพื่อนำไปทำรายงานและทำเป็นข้อมูลลงในSocial Network หรือ Blogger

                                                                    

                                                                     สรุปผลและข้อเสนอแนะ


การนำเสนอวิธีการทำเมี่ยงคำเมืองตาก ของกลุ่มโครงงานบูรณาการ กลุ่มการงานอาชีพและเทคโนโลยี   วิชาคอมพิวเตอร์พื้นฐาน    กลุ่มข้าพเจ้าได้นำความรู้ไปเผยแพร่บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เหตุที่ใช้เพราะเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ใช้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ได้ดีกว่าแหล่งเรียนรู้อื่นๆ เพราะเป็นโลกที่ไร้พรมแดน  คนทั่วไปรู้จักกันแพร่หลาย 
ซึ่งจากการเผยแพร่ข้อมูลเมี่ยงคำเมืองตากนี้ได้มีคนสนใจ และเข้ามาแสดงความคิดเห็นบนBlogger แสดงให้เห็นว่าการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นหนทางหนึ่งที่จะทำให้ประชาชน คนทั่วไป ได้รู้จักเมี่ยงคำเมืองตาก

ข้อเสนอแนะ
การนำเสนอ นอกจากจะใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตด้วย Blogger แล้ว ยังสามารถนำเสนอเมี่ยงคำจังหวัดตากโดย Social Network, อื่นๆ เช่น Face book   Twitter Tumblr ฯลฯ, แผ่นพับคลิปวิดีโอ,โปรแกรม power point เป็นต้น


                                                                               เมี่ยงเต้าเจี้ยวเมืองตาก